ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสจาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ฟอร์มร้อนแรงกดเวลาทะยานขึ้นเป็นจ่าฝูงในการซ้อมวันแรกของ โมโตจีพี 2019 สนาม 15 รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ หลังจบการซ้อมครั้งที่ 2 เหนือ มาเวริค บีญาเลส นักบิดสแปนิชจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เทคทรี ขณะ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกชาวสเปนจาก เรปโซล ฮอนด้า กลับจากโรงพยาบาลผ่านฟิตรั้งที่ 6 ด้าน “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก ฮอน้า ทีม เอเชีย ผลงานกระฉูดพุ่งนี้รั้งอันดับ 2 หลังจบการซ้อมวันแรกของ โมโตทู ลุ้นโพเดี้ยมโฮมเรซวันอาทิตย์นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ศึก โมโตจีพี 2019 สนาม 15 รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ภายใต้การผลักดันของ การกีฬาแห่งประเทศไทย มีคิวระเบิดความมันส์ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยล่าสุดเพิ่งผ่านการซ้อมครั้งที่ 2 ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ของทุกรุ่นได้แก่ โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี
ทั้งนี้ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกชาวสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ที่พลาดล้มอย่างรุนแรงในการซ้อมครั้งแรก จนถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด ก่อนเจ้าตัวจะกลับมาลงสนามได้ ซึ่งทีมแพทย์เปิดเผยว่ามีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยผลการซ้อมครั้งที่ 2 ในรอบ FP2 ปรากฏว่า ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รุกกี้เฟรนช์จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ที่สวมฟอร์มโหดกดเวลามาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.404 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง มาเวริค บีญาเลส นักบิดสแปนิชจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เอสอาร์ที เพียง 0.193 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ฟรานโก มอร์บิเดลลี นักบิดอิตาเลียนจาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ตามหลัง 0.221 วินาที
ขณะที่อันดับ 4 เป็นของ แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสซี่จาก พรามัค ดูคาติ ตามหลัง 0.294 วินาที โดยมี วาเลนติโน รอสซี่ ดาวบิดจอมเก๋าวัย 40 ปี จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ที่กดเวลามาเป็นอันดับ 5 ตามหลังหัวแถว 0.329 วินาที ด้าน มาร์เกซ หลังกลับจากโรงพยาบาลก็ยังคงกดเวลาลงได้เร็วอย่างต่อเนื่อง รั้งอันดับ 6
ส่วนนักบิดไทยหนึ่งเดียวในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ อย่าง “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในบ้านเกิด กดเวลามาเป็นอันดับ 2 จากการซ้อมครั้งที่ 2 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 55.964 วินาที ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลูกา มารินี นักบิดอิตาเลียนจาก สกาย เรซซิ่ง ทีม วีอาร์46 เพียง 0.008 วินาทีเท่านั้น ทำให้นักบิดไทยมีโอกาสที่จะคว้าโพเดี้ยมในบ้านเกิด จากศักยภาพในการซ้อมที่ทำได้ในวันแรก
สำหรับ การซ้อมครั้งที่ 3 และการจัดอันดับสตาร์ทในรอบควอลิฟายของทั้ง 3 คลาส ในศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคมนี้ ก่อนจะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นจากรุ่น โมโตทรี ในเวลา 11.00 น. ต่อด้วย โมโตทู ในเวลา 12.20 น. และปิดท้ายด้วยเรซประวัติศาสตร์อย่าง โมโตจีพี ในเวลา 14.00 น.