เพื่อนๆเคยได้ยินคำว่า “คนบ้าขี่ซู” ไหมครับ Suzuki เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากๆทั้งเรื่องของดีไซน์และพละกำลังที่ดุเดือด แต่ปัจจุบันกลับไม่ค่อยพบเจอมากนัก

การจะเลือกซื้อบิ๊กไบค์สักคันเมื่อนำมาใช้งานจริงแล้ว มักพบเจอกับปัญหาเรื่องความคล่องตัว เวลาออกทริปไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าใช้งานในเมืองก็จะเริ่มลำบากแล้วเนื่องจากรถติด หลายคนเลยมองหา Naked Bike ที่มีน้ำหนักเบา เเต่พละกำลังเยอะครั้งนี้ผมเลยจะขอแนะนำ Suzuki GSX-8S ที่หลายคนน่าจะไม่คุ้นหู คุ้นตาครับ 😁

Suzuki GSX-8S เป็น Naked Bike พิกัด 775.9 cc Parallel Twin DOHC 8 วาล์ว ที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมด้วย บาลานเซอร์ใหม่แบบสองแกน รายแรกในวงการมอเตอร์ไซค์ ที่วางตำแหน่งของบาลานเซอร์ที่ 90 องศากับเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งทำให้การขับขี่นุ่มนวล บาลานซ์ของรถดี ลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย เพื่อนๆเข้าไปดูข้อมูลเต็มๆได้ที่ลิ้งนี้นะครับ




ทำให้เจ้า GSX 8S คันนี้มีพละกำลังที่สูงถึง 82 แรงม้ากับน้ำหนักเพียง 202 กก.เมื่อเห็นอัตราส่วนแบบนี้แล้ว ผมว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยสบายใจเพราะว่าอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักค่อนข้างเยอะมากๆ แต่ไม่ต้องกังวลครับเพราะหัวใจหลักอยู่ที่ช่วงล่างเรียกได้ว่าน้องๆรถแข่งเลย โดยเฉพาะโช๊คหลังที่การปรับพรีโหลดเป็นแบบไฮดรอลิคเพิ่มความสะดวกในการปรับเซ็ตโช้คอีกด้วย

Show Time…!
ช่วงเช้า เราเริ่มต้นด้วยการเดินทางจากที่บ้านผมข้ามไปสมุทรปราการระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตรก็ไม่มากไม่น้อยแต่ระหว่างทางเราจะต้องเจอกับสภาพการจราจรในช่วงเช้าที่ทุกคนก็น่าจะคุ้นกันอยู่แล้วว่ารถมันติดขนาดไหน

จุดเด่นที่ชัดเจนคือมิติของตัวรถเมื่อเราขับขี่มันเล็กมากแทบจะพอๆกับรถมอเตอร์ไซค์แม่บ้านทั่วไป บวกกับกระจกที่สามารถพับได้ทำให้ผมสามารถมุดตามมอเตอร์ไซค์คันเล็กได้สบายๆ

แต่ส่วนนึง ที่เวลาเดินทางอาจจะมีปัญหานิดหน่อยด้วยขนาดรถที่เล็ก กระทัดรัดเเละนำหนักเบา ส่วนหนึ่งมาจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความจุ 14 ลิตร เท่านั้น แต่เมื่อผมขี่จนน้ำมันกระพริบแล้วจึงเติมน้ำมันปรากฏว่าเต็มถังเติมไปได้ 10 ลิตร กับระยะทางที่ ย้ำนะครับว่าชี้วัดอะไรไม่ได้เพราะว่าผมซัดกระจาย เเต่มีระยะทางโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 200 กม ซึ่งผมว่าถ้าขี่ดีๆ รอบเครื่องต่ำๆจะประหยัดกว่านี้ได้แน่นอน

ในส่วนของพละกำลังที่มีให้เลือก 3 โหมดคือ A-B-C ผมใช้เพียงแค่โหมด B หรือ C ก็ไร้เทียมทานเเล้ว ประกอบกับคันเร่งไฟฟ้าที่เนียนและเพิ่มความสะดวกสบายด้วย Bi-directional Quick Shift System ที่ทำได้ทั้ง UP-DOWN ทำให้ขี่สบาย ต่อเกียร์ได้เนียนถึงใจ แถมระบบ Traction Control ที่มีให้เลือก 3 ระดับ ตอนฝนตกผมเปิดโหมดสูงสุดที่ระดับ 3 แล้วใช้โหมดขับขี่ระดับ A ซึ่งแรงที่สุดก็สามารถขี่ได้อย่างสนุกและมั่นใจเป็นอย่างมาก


ส่วนปัญหาเรื่องความร้อน การจัดระเบียบอากาศของพัดลมหม้อน้ำที่ไม่ได้พัดให้ผ่านตัว แต่มุดออกด้านล่าง อีกทั้งพัดลมหม้อน้ำสามารถลดอุณหภูมิได้รวดเร็วมากๆ ผมจอดติดไฟแดงอยู่ประมาณ 10 นาทีความร้อนขึ้นไปถึงมากกว่า 106 องศาแต่เมื่อรถออกตัวไปได้เพียงแค่ไม่เกิน 5 วินาทีความร้อนตกลงมาต่ำกว่า 90 เพราะฉะนั้นมันขับในเมืองได้อย่างแน่นอน

เรามาเดินทางต่อกันช่วงถนนสุวรรณภูมิ ผมเริ่มอัดคันเร่งออกตัวที่แยกไฟแดง โอ้โหกำลังรถคันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับอัตราเร่งช่วงต้นทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่คุณต้องหมอบและดึงตัวเองเข้ามาพบเข้ากับแฮนด์รถมากหน่อย

เพราะว่ารถเนคเก็ตไบค์จะทำให้คุณโดนลมปะทะเต็มๆ แต่เมื่อผมจับตัวเองเข้าอยู่ใน Positioning มันเหมือนกับว่าผมกำลังขี่รถแข่งอยู่ การเข้าโค้งด้วยความเร็ว ถ้าคุณนั่งเเบบทื่อๆ คุณจะดึงรถเข้าโค้งยากสักหน่อย ตอนแรกผมยังไม่ชินแต่เมื่อผ่านไปก็สามารถปรับตัวได้อย่างไม่ยากเย็นและคล่องตัวในที่สุด

ช่วง Night Session วันนี้ผมนัดกับเพื่อนไว้ที่ RCA เราจะไปหาของกินกันในเมืองโดยมีเป้าหมายคือร้านสุกี้แห่งหนึ่งพร้อมกับจะเลือกแหล่งแลนด์มาร์คให้เราไปจอดถ่ายรูปสวยๆสัก 2-3 ที่ จุดหมายแรกเรามุ่งหน้าเข้าสู่เส้นจตุรทิศแล้ววิ่งเข้าไปที่สนามหลวงจากนั้นเราไปวนรถเล่นอยู่แถวสะพานพระราม 8

แล้วไปต่อไปที่เสาชิงช้า แล้วก็ตัดเข้าเยาวราช จากนั้นก็เดินทางสู่ร้านสุกี้ เอลวิส แต่วันนี้แอบเสียดายหน่อย เรามาถึงดึกเกินไป สั่งเสร็จปุ๊ปเค้าก็ปิดครัวพอดี เลยทำให้ผมกับเพื่อนได้กินแค่คนละ 1 ชามเท่านั้น 😥

ก่อนกลับเราก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่หน้าร้านเพื่อให้เห็นความวุ่นวาย กับความเงียบสงบของกลางคืนซึ่งตัดกันอย่างลงตัวกับเจ้า Suzuki GSX-8S 😎

การได้ขี่รถในเวลากลางคืนให้ความรู้สึกสนุกกว่าตอนกลางวันอย่างมาก ไฟหน้าที่เป็นแบบ LED Headlights ทรงหกเหลี่ยมแนวตั้งแบบ Mono-Focus ให้ความสว่าง มองเห็นได้อย่างชัดเจน ให้ความคมชัดและดูทันสมัยไปด้วยพร้อมๆกัน ทำให้เราโดดเด่นไปทุกๆที่และได้รับความสนใจแทบจะตลอดเวลา

สรุป
สำหรับผมแล้วเจ้า Suzuki GSX-8S คันนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ก็สามารถขี่ได้อย่างสนุกแน่นอนเพราะรถมันไม่ได้ดุดัน ดิบเถื่อนเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีเทคโนโลยีหลายอย่างผสมอยู่ด้วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะใช้สมรรถนะของรถได้ดั่งใจต้องการด้วยน้ำหนักที่เล็กและความคล่องตัวสูงทำให้รถคันนี้เป็นรถบิ๊กไบค์อเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขี่ไปทำงาน ขี่ไปเที่ยว อีกทั้งในความคุ้มค่าด้วยราคา 379,000 บาท กับเทคโนโลยีที่แทบจะเรียกได้ว่าใหม่เอี่ยมก็จัดว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ

ขอขอบพระคุณ
บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด [ซูซูกิพัฒนาการ] Suzuki Society Thailand ที่ให้โอกาสเราได้ทำการรีวิวรถที่เราสนใจมานานแบบนี้กันอย่างจุใจ
ขอบคุณทีมภาพจาก Jack Photo สำหรับภาพสวยๆและวิดิโองามๆ ใครอยากชวนไปถ่ายรูปที่ไหนโทรจ้างโทรจองได้งานดีถ่ายรัวๆไม่กลัวเปลืองเมม 0625941990
หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจรุ่นนี้หรือรถรุ่นอื่นๆของ Suzuki อยู่นะครับ
ถ้าถูกใจบทความนี้ ช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม แล้วพบกันใหม่ครับ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻




