…การ “ชลอ” ความเร็วของรถ หรือการ “ห้ามล้อนั้น” ไม่ได้มีแต่ เบรคหน้า หรือ เบรคหลัง เพียงอย่างเดียว ยังมีการชลอด้วยรอบเครื่องยนต์ หรือ Engine Brake (ในสนามแข่งจะมี Body breaker) ด้วย ซึ่งการเบรคที่ดีควรใช้ 3 อย่างนี้ร่วมกันอย่างลงตัวในพื้นผวปกติอัตราส่วนเบคหน้เเละหลังคือ 70/30 ส่วนพื้นที่เปียกเบรคหน้าจะใช้น้อยลงถึงเเทบไม่ได้ใช้ เบรคหลังใช้ชลอแต่ไม่มาก เเละใช้ Engine Brake มากขึ้น ทั้งหมดนี้จะทำให้ระยะเบรคสั้นลง มีประสิทธิภาพมากประที่สุด
Engine Brake เป็นการดึงเอาความเฉื่อยในรอบของเครื่องยนต์ มาฉุดรถให้ช้าลงโดยไม่ใช่การหยุดล้อด้วยการบีบตัวของปั๊มเบรค แต่เป็นการทดแรงของชุดขับเคลื่อนในเครื่องยนต์ ทำให้รถไม่ได้หยุดลงอย่างฉับพลันทันที เเต่จะถูกดึงด้วยรอบของเครื่องยนต์ที่ทำให้รถช้าลง ซึ่งควรจะคอนโทรลคลัทช์ช่วยด้วยเพื่อควบคุมการฉุดตัวของล้อหลัง หรือที่เรียกว่า “กรอคลัทช์”
ในผู้ที่ขับขี่อย่างชำนาญการรวบเกียร์เพื่อใช้ Engine Brake จะเป็นการกำคลัช์แล้วปล่อยๆ เช่นขี่มาเกียร์ 6 จำเป็นต้องหยุดรถจะ เบรคหน้าหลังกดเกียร์ 5 ปล่อยคลัทช์ เเล้วก็ทำแบบเดิมลง 4-3-2 จนคุมความเร็วรถได้ทั้งหมดน่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้ระยะเบรคสั้นลงมากๆ อีกทั้งโอกาสที่รถจะล้มแฉลบยังมีน้อยกว่า (ไม่นับรวมรถที่มีระบบ Sliperclucth ) หือจะรวบทีเดียวเเล้วกรอคลัทช์ช่วยก็ได้อยู่ที่สกิลของผู้ขับขี่ล้วนๆ
ประโยชน์ของ Engine Brake ยังมีผลอย่างมากๆๆๆๆๆ ในการเข้าโค้งด้วยความเร็ว ถ้าไม่เชื่อเจอโค้งหักศอก คุณลองพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสัก 100 กม/ชม เเล้วกำคลัทช์เข้าโค้งดูครับ…ผลคือไม่พิการก็ตายเเน่ๆ จะเข้าโค้งยังต้องมีแรงฉุดของเครื่องยน์ช่วยดึง จะเบรคหน้ารถก็พับ จะเบรคหลังในโค้งรถก็ตั้งทำให้บานออกโค้ง ในรถสกู๊ตเตอร์จะเหวอหน่อยเพราะเวลาเข้าโค้งเอนจิ้นเบรคน้อยกว่า เราต้องคลอเบรคช่วย(ก็ทำได้เท่านี้) ส่วนเรซซิ่งสเตปก่อนเข้าโค้งที่ใครก็รู้กันคือ…
เบรค+เชนจ์เกียร์+มอง+ปล่อยไหล เเล้วเปิดคันเร่งออกโค้ง คลัทช์ห้ามกำ มือกระชับที่เเฮนด์ เบรคหน้าห้ามใช้ เห็นมั้ยครับเข้าด้วย Engine Brake ล้วนๆ
การทำแบบนี้แน่นอนครับว่าจะทำให้เครื่องสึกหรอ แต่ถ้าต้องแลกกับการที่เราควบคุมรถได้สมบูรณ์แบบ เบรคได้สั้นลง และไม่เกิดอุบัติเหตุ แอดคิดว่ายังไงก็คุ้ม…หรือเพื่อนๆคิดว่ายังไงครับ?